Infinity Time จิตสำนึกห้วงเวลา - Infinity Time จิตสำนึกห้วงเวลา นิยาย Infinity Time จิตสำนึกห้วงเวลา : Dek-D.com - Writer

    Infinity Time จิตสำนึกห้วงเวลา

    เรื่องสั้นตอนเดียวจบ นำเสนอเรื่องราวสั้นๆ ของนักบินอวกาศที่ต้องรับหน้าที่ขับยานอวกาศออกไปนอกโลก เขาได้ประสบกับสัมผัสพิเศษเหนือจินตนาการ

    ผู้เข้าชมรวม

    942

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    14

    ผู้เข้าชมรวม


    942

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    3
    หมวด :  จิตวิทยา
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 ธ.ค. 58 / 14:42 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ




       




      Infinity Time

      จิตสำนึกห้วงเวลา



       

      “โบจาขอน้ำฉันหน่อยสิ” เสียงเรียกของชายหนุ่มสะท้อนก้องไปในห้องว่างขนาดสามคูณสามเมตร


      โบจาเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมการสอบ มองชายหนุ่มผู้เข้ารับการทดสอบผ่านจอมอนิเตอร์จากห้องควบคุมด้านนอก


      ไม่ได้ ยังไม่ถึงเวลา นายต้องอดทนเอาไว้เขาเอ่ยพึมพำออกมาจากห้องปิด


      “ฉันไม่ไหวแล้ว ขอน้ำฉันหน่อยเถอะ”


      อดทนไว้ นายต้องปรับตัวให้ได้


      ชายหนุ่มที่เข้ารับการทดสอบรู้ว่า ต่อให้ตนขอร้องไปยังไง โบจาก็ไม่มีทางให้น้ำกับเขาแน่ ความต้องการภายในได้ดิ้นรนแข็งขืน เรียกร้องให้ยอมแพ้ต่อภารกิจนี้ แต่ความดื้อดึงที่ต้องการจะเอาชนะตนเองให้ได้ ได้ฉุดรั้งเอาไว้


      “เฮอะ” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกไปอย่างแรงเพื่อสลัดความคิดที่ฟุ้งซ่าน แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กำหนดจิตไปผูกไว้กับจังหวะของการหายใจเข้าและออก เข้าและออก เข้าและออก


      หลังผ่านไปสามนาที คลื่นความคิดที่กลุ้มรุมอยู่ในหัวของเขาก็สงบเบาบางลง


      ดี อย่างนั้นแหละ อย่าปล่อยให้ความคิดชักนำนายไปได้โบจาคิด


      เพียงครู่เดียวจากนั้นไม่ถึงห้านาที ชายหนุ่มที่อยู่ในห้องเล็กก็สามารถควบคุมความอยากของตนได้ สภาวะจิตอยู่ในอาการสงบนิ่งรวมตัว


      โบจาค่อยเผยอยิ้มออกมาอย่างพอใจ


      เมื่อครบกำหนดเวลา ประตูห้องทดสอบก็เปิดออก


      ชายหนุ่มที่อยู่ด้านในค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น ตอนนี้เขาไม่มีความต้องการอยากจะดื่มน้ำหลงเหลืออยู่อีกแล้ว จิตใจได้สงบแช่มชื่น ทั้งจากภาวะที่สามารถเอาชนะความอยากในใจตน กับความสุขจากการเป็นผู้ผ่านบททดสอบอันยากยิ่งของสถาบัน


      โบจาเดินเข้ามายื่นแก้วน้ำส่งให้


      ชายหนุ่มรับมายกขึ้นจิบเบาๆ แล้วกล่าวถาม


      “คนอื่นเป็นยังไงบ้าง”


      “ในหนึ่งร้อยคน มีแค่สองคนเท่านั้นที่ผ่านได้ นอกนั้นตกรอบหมด ส่วนใหญ่จะยอมแพ้ในช่วงเวลาหนึ่งถึงสามชั่วโมงแรก”


      “บททดสอบรอบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”


      บททดสอบที่ว่านี่ก็คือ การให้ผู้ทดสอบอดอาหารเป็นเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง จากนั้นก็พาไปเข้าห้องเงียบที่มีพื้นที่สามคูณสามเมตร ให้อยู่ในนั้นเป็นระยะเวลาหกชั่วโมง โดยไม่บอกระยะเวลาที่ทำการทดสอบให้ผู้ทดสอบรู้ เพื่อที่จะดูว่าตลอดระยะเวลาที่พวกเขาต้องเผชิญกับความอยาก อยู่ในพื้นที่แคบๆ โดยไม่รู้ว่าต้องใช้ระยะเวลาเท่าไหร่นั้น สภาพจิตใจจะเป็นเช่นไร


      บททดสอบนี้เป็นภารกิจเพื่อคัดเลือกหาตัวแทนที่เหมาะสมสำหรับการเป็นผู้ขับขี่ยานอวกาศ White Space ยานอวกาศลำล่าสุดของสหพันธรัฐที่สามารถเดินทางไปยังดาวเคราะห์ที่อยู่ด้านหลังดาวพลูโตได้ในระยะเวลาหนึ่งปี


      เนื่องจากโลกในยุคปัจจุบันได้ถูกภัยสงครามที่เกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ด้วยกันเองทำลายล้าง จนตกอยู่ในสภาพที่รอวันจะแตกทำลายลงในไม่ช้า การอพยพย้ายถิ่นฐานออกไปยังดาวเคราะห์ดวงใหม่ที่มีสภาพเหมาะสมกับมนุษย์ ดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด สหพันธรัฐหรือรัฐบาลโลกในปัจจุบันได้ทำการสืบค้นจนพบว่า ดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่อยู่ใกล้กับดาวพลูโต มีสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับการดำรงชีพของมนุษย์มากที่สุด ตอนนี้ขาดแค่การยืนยันด้วยตาตนเองเท่านั้นว่าสิ่งที่คิดนั้นถูกต้องหรือไม่ พวกเขาจึงได้ริเริ่มโครงการพัฒนานักบินอวกาศ เพื่อที่จะได้ส่งยานอวกาศออกไปสำรวจดู


      ตอนนี้ขั้นตอนเตรียมการสำรวจทั้งหมดเสร็จสิ้นลงแล้ว เหลือแค่การคัดเลือกพลขับของยานอวกาศ White Space เพียงคนเดียวจากหมู่พลขับที่ถูกคัดเลือกมาหนึ่งร้อยคน


      “จะว่าไป อีกคนที่ผ่านนี่ใครหรือ” ชายหนุ่มถาม


      โบจายิ้มอย่างมีเลศนัย “ลองทายดูสิ”


      มีเพียงชื่อๆ เดียวเท่านั้นที่ผุดโผล่ขึ้นมาในความคิดของเขา บุคคลที่เขายอมรับว่าเป็นคู่แข่งที่ยากข้ามผ่าน


      “โทนี่”


      โบจาพยักหน้า “ใช่ โทนี่ผ่านบททดสอบไปได้ด้วยคะแนนเกือบเต็ม ไม่มีแม้แต่อาการเจ็ตแล็กในช่วงสามชั่วโมงพีคแบบนายด้วยนะ”


      “...!!!...”


      “เรียกว่าสงบนิ่งราบเรียบตั้งแต่นาทีแรกที่เข้าไปในห้อง จวบจนนาทีสุดท้ายที่ออกมาเลยล่ะ”


      “มันมีหลับ หรือเคลิ้มไปบ้างไหม”


      “ไม่มี คลื่นความคิด อัตราการเต้นของหัวใจ ชีพจรทุกอย่างคงที่ราบเรียบมาก เหมือนเพลงบรรเลงที่เล่นจังหวะเดียวไปตลอด ไม่มีผิดคีย์กระโดดเด้งเปลี่ยนไปในโทนจังหวะอื่นเลยแม้แต่น้อย”


      ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ทำยังไงเขาถึงจะเอาชนะไอ้หุ่นยนต์นี่ไปได้นะ


      โบจาที่สังเกตท่าทีของเพื่อนอยู่ตลอดได้กล่าวเตือน


      “ลุคนายเลิกคิดว่าโทนี่เป็นคู่แข่งเสียทีเถอะ ฉันว่าเพราะนิสัยชอบการแข่งขันของนายนี่แหละที่ทำให้ไม่สามารถพัฒนาตนเองไปเป็นสุดยอดพลขับได้สักที”


      “ยากวะเพื่อน มันเป็นสันดานของฉันไปแล้ว”


      “เชื่อนายเลย” โบจาบ่นยิ้มๆ อย่างรู้นิสัยของเพื่อนดี แล้วพยักพเยิดให้เขาเดินออกจากห้องทดสอบไปสักที


      หลังออกมาจากห้อง ลุคได้เดินไปต่อที่ห้องนั่งเล่นรวมของพลขับเพื่อตรวจคะแนนที่บอร์ดประกาศผล ทันทีที่เข้ามาในห้อง เขาก็ต้องชะงักไป เมื่อพบว่ามีบุรุษผู้หนึ่งมาถึงก่อนหน้าแล้ว


      “โทนี่”


      ชายร่างสูงผู้มีดวงตาคมเข้ม หันมาพยักหน้าให้ลุคทีหนึ่ง แล้วหันกลับไปมองตารางคะแนน ซึ่งมีผลการทดสอบครั้งล่าสุดปรากฏอยู่


      1.      โทนี่ 500 คะแนน

      2.      ลุค 475 คะแนน

      3.      สวิช 250 คะแนน

      ฯลฯ


      จะเห็นว่า มีเพียงลำดับที่หนึ่ง และสองเท่านั้น ที่มีคะแนนแตะหลัก 450+ ขึ้น ซึ่งเป็นเกณฑ์ผ่านการทดสอบคัดเลือก


      “ยินดีด้วยนะ คะแนนของนายชนะฉันใสๆ” ลุคว่า พร้อมหันไปขอจับมือกับโทนี่


      บุรุษผู้ได้ลำดับที่หนึ่งของการแข่งขันยกมือขึ้นมาสัมผัสกับลุคด้วยอาการสงบนิ่ง


      “นายไม่ดีใจบ้างหรือไง” ลุคถามด้วยความสงสัยหลังเห็นอาการเฉยเมยของเพื่อน


      เขาส่ายหน้า “ไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้นนี่”


      “ไอ้นี่ หรือนายมั่นใจอยู่แล้วว่าจะเอาชนะคนอื่นได้ง่ายๆ”


      โทนี่ส่ายหน้า “ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องคนอื่นแม้แต่น้อย เพราะมันจะทำให้เกิดการเปรียบเทียบในใจ เป็นเหตุให้เกิดความคิดในเชิงลำดับขั้น อันเป็นสาเหตุที่ทำให้จิตกระเพื่อม” เขาร่ายทฤษฎีออกมายาว แล้วหันไปมองลุค บอกเป็นนัยว่าที่นายแพ้ก็เพราะมัวแต่คิดเรื่องนี้นั่นแหละ


      ลุคเข้าใจได้ในทันที “ไอ้นี่” เขายกกำปั้นขึ้นมาทำท่าจะเขกหัวเพื่อน แต่แล้วก็ลดมือลง เปลี่ยนมาเป็นหัวเราะให้กับตนเอง


      “ให้ตายเหอะ ฉันนับถือนายจริงๆ ว่ะ ฉันแพ้นายโดยศิโรราบเลย”


      “บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้คิดเรื่องแพ้ชนะแม้แต่น้อย”


      “โอเคๆ เข้าใจแล้ว ไป ตอนนี้เราไปห้องทดสอบจิตกันดีกว่า” ลุคชวน


      โทนี่รับคำแล้วเดินตามลุคไปอย่างว่าง่าย ด้วยเขาเองก็เตรียมจะไปที่นั่นอยู่แล้ว


      ห้องทดสอบจิต คือสถานที่ที่ผู้เข้ารับการทดสอบจะถูกส่งจิตหรือตัวรู้ของตนเองผ่านเข้าไปในห้วงจิตใต้สำนึกผ่านความฝันด้วยเครื่องมือพิเศษ


      ในที่แห่งนั้นเขาจะได้พบกับความคิดและอารมณ์ทั้งในแง่บวกและลบของตนที่โดยปกติเป็นสิ่งนามธรรมไม่อาจสัมผัสจับต้องได้ แสดงตัวตนออกมาเป็นรูปธรรม


      ผู้เข้าทดสอบจะได้เผชิญหน้ากับตัวตนที่ฝังอยู่ในจิตสำนึกด้านลึกของตนเอง


      ภายในห้องจะมีเตียงนอน อุปกรณ์ที่ครอบศีรษะ สายเลือดเชื่อมต่อกับจุดชีพจรทุกจุด


      หลังผู้ทดสอบเข้าสวมเครื่องมือเหล่านี้ เขาจะถูกปรับสภาพร่างกายและจิตใจให้อยู่ในภาวะหลับลึก คลื่นสมองจะเดินไปอย่างราบเรียบ จากนั้นจิตหรือตัวรู้ของผู้ทดสอบจะถูกส่งไปปรากฏยังสถานที่ต่างๆ ตามบททดสอบที่เครื่องจะเลือกสรรมา


      บุคคลที่สามารถรับมือกับเรื่องราวนามธรรมภายในจิตใจของตนเองได้ดี นั่นย่อมบ่งบอกถึงความเข้มแข็งทางจิตใจจากส่วนลึกของเขา อันเป็นคุณสมบัติที่เหมาะสมต่อภารกิจ


      แม้โทนี่จะได้คะแนนโดยรวมทั้งหมดติดท็อปอันดับหนึ่งทุกรายการ แต่กับการทดสอบในห้องทดสอบจิตนี้ คะแนนของเขากลับแพ้ลุคมาตลอด ถึงโทนี่จะบอกลุคว่าเขาไม่สนใจเรื่องการแข่งขัน แต่ถ้าลุคชวนมาเข้าเครื่องทดสอบจิตนี้เมื่อไหร่ โทนี่ไม่เคยปฏิเสธเลยสักครั้ง


      ลุคและโทนี่ได้เข้าไปนอนอยู่ในเครื่องทดสอบจิต มีผู้ดูแลควบคุมการเชื่อมต่อคอยดูแลจับสายเลือดมาเชื่อมต่อกับจุดชีพจรของพวกเขา


      ที่ระเบียงด้านบนของห้องทดสอบจิต มีชายผู้หนึ่งจ้องมองการทดสอบของสองพลขับในสังกัดด้วยความสนใจ หลังจากที่ได้ทดสอบคัดเลือกพลขับมาหลายวิธีการ ตัวเลือกของเขาคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากสองคนนี้ ตอนนี้คงเหลือเพียงแค่การตัดสินใจจากเขาเท่านั้นว่าจะเลือกใครให้เป็นพลขับของยานสำรวจ White Space


      ที่ด้านล่างภายในห้องทดสอบจิต เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญกำลังควบคุมการใช้งานเครื่องของลุคและโทนี่อย่างใกล้ชิด ด้วยหากเกิดการผิดพลาดขึ้นมา จิตใจของผู้ทดสอบอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงไปได้ หรืออาจถูกฝังความทรงจำใหม่ หรือขั้นร้ายแรงหน่อยก็อาจไม่ได้กลับออกมาจากห้วงจิตใต้สำนึกของตนอีก


      “สาม สอง หนึ่ง”


      เจ้าหน้าที่ควบคุมนับถอยหลังเตรียมการล็อกอินเครื่องทดสอบ


      “ศูนย์”


      ว้าบ !!


      ผู้เข้าทดสอบทั้งสองรู้สึกเหมือนจิตหลุดลอยออกจากร่าง เห็นแต่เพียงแสงสว่างสีขาว ความคิด ความจำ พฤติกรรม นิสัย ความเป็นตัวตนของทั้งสองค่อยๆ เลือนหายไปภายใต้แสงสว่างนั้น


      ในห้วงบททดสอบภายในจิตใต้สำนึกนี้ พวกเขาจะไม่รู้จักลุคหรือโทนี่ แต่จะมีตัวตนและความทรงจำใหม่ที่เครื่องทดสอบจิตสร้างขึ้นมาให้กลายเป็นคนอีกคนหนึ่งโดยสมบูรณ์


      รู้สึกตัวอีกทีพวกเขาก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันแล้ว


      “เมย์เดย์ๆ”


      ฟลุคลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับพบว่าขณะนี้ตนเองกำลังอยู่ในห้องแห่งหนึ่ง มีอุปกรณ์ที่ครอบสวมอยู่บนศีรษะ ตามตัวมีสายเลือดเชื่อมต่อเป็นเส้นสายระโยงระยาง


      “เกิดเหตุฉุกเฉินๆ” เสียงประกาศดังลั่นไปทั่วห้อง


      เขาขยับตัวลุกขึ้น ถอดที่ครอบและสายเลือดตามตัวออกเกิดอะไรขึ้น


      “ฟลุคที่นี่อยู่ไม่ได้แล้ว หนีกันเถอะ” ชายร่างเล็กในชุดหมีสีส้ม สวมแว่นตาหนาเตอะอยู่ที่ใบหน้าวิ่งเข้ามา


      ตัวรู้ผุดขึ้นมาในสำนึกของเขาว่านี่คือเพื่อนสนิทที่ชื่อว่าโบอา


      “เกิดอะไรขึ้นหรือ โบอา”


      “มีมนุษย์ต่างดาวบุก”


      “หา ?!


      “นายฟังไม่ผิดหรอก มีมนุษย์ต่างดาวบุกจริงๆ ดูนี่”


      โบอายื่นจอมอนิเตอร์แบบพกพาขนาดเล็กออกมาให้เขาดู ภาพที่เห็นก็คือ ยานอวกาศลำใหญ่สีขาว พร้อมฝูงเครื่องบินประจัญบานของมนุษย์ต่างดาวกำลังยิงกระสุน ขีปนาวุธ โจมตีเข้าใส่ฐานทัพของพวกเขา


      ฟลุคดีดตัวผึงจากเตียงวิ่งออกไปทันที


      “เกิดขึ้นนานหรือยังนี่” เขาถามโบอาที่วิ่งขนาบตามมาข้างๆ


      “ห้านาที เมื่อครู่นี้เอง”


      “รายละเอียดของพวกมัน ระดับพลัง จำนวนพลที่บุก จุดอ่อนของฝั่งตรงข้าม” ฟลุคพยายามจะถามข้อมูลที่โบอาทราบ แต่โบอาตอบว่าเขาไม่รู้อะไรทั้งสิ้น เพราะเรื่องราวพึ่งเกิดขึ้นเพียงครู่เดียวเท่านั้น ที่เขาทำได้ก็คือรีบมาปลุกฟลุคที่ติดอยู่ในเครื่องทดสอบจิตให้ตื่นขึ้น


      ฟลุคพยักหน้าขอบคุณทีหนึ่ง แล้ววิ่งไปยังห้องรวมพล ทันทีที่เข้ามาถึง เขาก็พบกับสภาพความวุ่นวายโกลาหล ผู้คนในฐานทัพต่างเตรียมการต่อสู้รับมือกับภัยร้ายจากมนุษย์ต่างดาวอย่างเร่งด่วน หัวหน้าหน่วยนักบินเรียกระดมพลนำพลขับในกลุ่มของตนออกไปต้านปะทะกับศัตรูอย่างเร่งรีบ


      ฟลุคไปไม่ทันเหล่าพลขับในหน่วยของตน พวกเขาล่วงหน้าออกไปก่อนแล้ว


      “บ้าชิบ” เขาสบถออกมาด้วยความหัวเสีย เตรียมจะวิ่งไปขึ้นเครื่องบินประจำตัวตามไปสมทบ


      “ฟลุค” โบอาเรียก แล้วตรงเข้ามาสวมกอดเพื่อนรัก “โชคดีนะเพื่อน ฉันหวังว่าจะได้เจอนายอีกนะ” พูดจบเขาก็วิ่งแยกออกไปทำหน้าที่ในส่วนของตน ฟลุคมองตามหลังเพื่อนซี้จากไปจนลับตา ลางสังหรณ์บางอย่างบอกกับเขาว่า เขาอาจจะไม่ได้พบโบอาอีกต่อไปแล้วก็เป็นได้ บ้าน่า ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก เขาส่ายศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว แล้วรีบวิ่งไปขึ้นเครื่องบินประจำตัวของตน


      ทันทีที่เครื่องบินของฟลุคบินออกจากฐานทัพ ก็เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นที่ด้านหลัง


      ตูม !!


      จุดปล่อยตัวเครื่องบินขับไล่ที่มีช่องความกว้างเพียงแค่ยี่สิบเมตร ถูกศัตรูยิงระเบิดขีปนาวุธผ่านเข้าไป สร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับฐานทัพ โครงสร้างภายในได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก


      เครื่องบินของฟลุคเองก็ได้รับแรงสะเทือนจากการระเบิดจนปลิวว่อนหมุนไปอยู่หลายตลบ ยังดีที่เขาเป็นพลขับมือฉมังจึงสามารถประคองเครื่องบินไว้ได้อย่างรวดเร็ว


      หลังจากตั้งหลักได้ เขาก็ขับเครื่องบินโฉบเฉี่ยวหลบการโจมตี บุกเข้าจู่โจมศัตรูด้วยความคั่งแค้น


      “ย้าก พวกแกไปตายซะ” ฟลุคตะโกนก้อง พร้อมบังคับเครื่องบินสาดกระสุนซัดเข้าใส่ศัตรูไม่ยั้ง


      เพียงการปรากฏตัวของเขาแค่สามนาที ฟลุคก็สามารถจัดการกับเครื่องบินรบของฝ่ายตรงข้ามไปได้เกือบสิบลำ สร้างความครั่นคร้ามแก่ศัตรูที่พบเห็นเป็นอันมาก


      “ฟลุค”


      เครื่องบินรบลำหนึ่งบินเข้ามาขนาบข้าง โทบี้นั่นเอง


      “นายมาทำอะไรที่นี่ ตอนนี้นายต้องไปขับยาน Black Space เพื่อออกไปสำรวจอวกาศแล้วมิใช่หรือ”


      “นายพูดเรื่องอะไร” ฟลุคไม่เข้าใจ


      “ไอ้โง่เอ๊ย ก็ฉันอุตส่าห์ยอมสละตำแหน่งพลขับให้นายไปแล้วยังไง หน้าที่ของนายตอนนี้ไม่ใช่มารับมือกับพวกมนุษย์ต่างดาวพวกนี้นะ ไม่เห็นสัญญาณเรียกตัวด่วนจากหัวหน้าหรือ”


      ฟลุคสับสนงุนงงไปครู่ แล้วความทรงจำก็ค่อยๆ ผุดขึ้นมาในหัว


      เขาคือนายทหารผู้เข้าร่วมการทดสอบขอเข้าเป็นพลขับยาน Black Space ยานอวกาศที่มีภารกิจออกไปสำรวจดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์ดวงหนึ่งที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมแก่การอยู่อาศัยเช่นเดียวกับโลกของเขาเป็นอย่างมาก นี่เป็นภารกิจพิเศษที่ทุกคนบนโลกฝากความหวังเอาไว้ เพื่อการค้นพบสถานที่พักพิงแห่งใหม่แทนที่อยู่เดิมที่ถูกรุกรานจากมนุษย์ต่างดาวอยู่ไม่เว้นวัน


      หลังจากที่ได้ผ่านบททดสอบอย่างมากมาย ทางการก็เหลือตัวเลือกอยู่เพียงแค่สองคนเท่านั้น นั่นก็คือเขากับโทบี้ ที่ทำคะแนนคู่คี่กันมาโดยตลอด


      ฟลุคหยิบโทรศัพท์ติดตามตัวขึ้นมาดู ที่หน้าจอขึ้นข้อความแจ้งให้ทราบว่า เขาผ่านบททดสอบได้รับการคัดเลือกแล้ว ให้รีบมาที่ยานอวกาศโดยด่วน


      “เยส !!” ฟลุคตะโกนก้อง โห่ร้องดีใจออกมาตามสัญชาตญาณ


      “ถ้าเข้าใจก็รีบๆ ไปได้แล้ว ตรงนี้ฉันจัดการเอง” โทบี้บอก


      ฟลุคหันไปมองเพื่อนซี้ที่เปรียบเสมือนคู่แข่งผู้นี้ แล้วผงกหัวขอบคุณ จากนั้นก็ขับเครื่องบินออกไปจากสนามรบ ตรงไปทางทิศตะวันตกเข้าสู่เขตพื้นที่โซนพิเศษผ่านเส้นทางลึกลับมากมายจนมาพบกับยานอวกาศสีดำลำใหญ่ลำหนึ่งที่จอดอยู่ท่ามกลางหุบเขา เขาขับเครื่องบินเข้าไปเทียบท่าที่ด้านบนดาดฟ้ายาน ทันทีที่เครื่องบินแตะพื้น ดาดฟ้าของยานอวกาศก็ย่อตัวหุบลงไปด้านล่างดุจลิฟต์


      เมื่อผ่านเข้ามาภายในตัวยานได้แล้ว ฟลุคก็รีบตรงไปที่ห้องพลขับ เดินเครื่องยานอวกาศ Black Space ขับขึ้นบินออกไปสู่ชั้นบรรยากาศ ทะลุออกสู่ห้วงอวกาศอันไกลโพ้นอย่างรวดเร็ว


      “ทุกคนรอฉันก่อนนะ แล้วฉันจะกลับมา” ฟลุคเอ่ยด้วยใจที่มุ่งมั่น แล้วเบนเข็มทิศทางของยานมุ่งตรงไปยังดาวเคราะห์สีฟ้าที่อยู่ไกลโพ้น


      ทว่า...


      หลังจากที่ยานอวกาศ Black Space ออกไปจากโลกได้ไม่นาน ก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันขึ้น


      มีลูกอุกกาบาตขนาดยักษ์พุ่งผ่านเข้ามายังเส้นทางของยานอวกาศอย่างไม่ทันตั้งตัว นั่นทำให้ฟลุคต้องเบนหัวยานหลบไปด้วยความฉุกละหุก ประจวบกับเส้นทางที่หลบออกไปนั้นมีกับดักหลุมอวกาศที่มีแรงดึงดูดมหาศาล นั่นจึงทำให้ยานอวกาศ Black Space ถูกดูดเข้าไปในวังวนสีดำรูปทรงก้นหอยหรือก็คือ Black Hole ทันที


      ฟลุคตื่นตระหนก ชะตากรรมของมนุษย์นับล้านอยู่ในมือของเขาแต่เขากลับทำพลาดปล่อยให้มันหลุดมือไปด้วยความสะเพร่า เขาหัวเสียอย่างมากพยายามจะบังคับยานให้หลุดออกจากแรงดึงดูดของ Black Hole  แต่ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้ ทำได้แค่นั่งมองดูภาพของหลุมดำที่มืดมิดไร้ก้นบึ้งดูดกลืนตัวยาน Black Space เข้าไป


      ในช่วงเวลาสุดท้ายนั้นเอง ก่อนที่จะถูก Black Hole ดูดกลืนจนมิด ฟลุคได้วิงวอนร้องขอต่อพระผู้เป็นเจ้าว่า ถ้าหากพระผู้เป็นเจ้ามีจริง ก็ขอให้เขาได้มีโอกาสแก้ตัวจากสถานการณ์เช่นนี้อีกครั้งด้วยเถิด


      แล้วยานอวกาศ Black Space ก็ถูกดูดเข้าสูใจกลางของหลุมดำจนหายไปในที่สุด


      วูบ !


      ว้าบ !!


      แสงสว่างสีขาวนวลได้ผ่านเข้ามาในห้วงสำนึก ปลุกให้ลุคตื่นขึ้นจากภวังค์ สติของเขาเขาค่อยๆ รวมตัวกลับมาจากเครื่องทดสอบจิต


      “นายเป็นอะไรหรือเปล่า” เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมเครื่องชะโงกหน้าเข้ามาถาม


      ลุคมีสีหน้างุนงงที่ได้เห็นใบหน้าของเจ้าหน้าที่ เขาค่อยๆ รวบรวมความคิด ฟื้นฟูความทรงจำของตน หลังใช้เวลาอยู่ครู่ภาพความทรงจำต่างๆ ก็ค่อยๆ ประติดประต่อ


      “ที่นี่ที่ไหน”


      “นายเป็นอะไร จำไม่ได้งั้นหรือ”เจ้าหน้าที่ถามด้วยความเป็นกังวล


      ลุคหันไปมองหน้าเจ้าหน้าที่ แล้วค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้น ทันใด เขาก็ต้องตกตะลึงพรึงเพริด เมื่อเห็นเงาสะท้อนรูปกายของตัวเองที่ปรากฎอยู่บนกระจก


      “นี่ฉัน !


      พลันห้วงความทรงจำอีกชุดหนึ่งก็วิ่งผ่านเข้ามาในห้วงสำนึกของเขาอย่างรวดเร็ว เป็นความทรงจำของตัวตนอีกคนหนึ่งที่เขาเป็น


      “...!!!...”


      เจ้าหน้าที่มองลุคด้วยสายตาสงสัย กดคีย์คอมพิวเตอร์เปิดไฟล์ข้อมูลที่ลุคเข้าไปในเครื่องทดสอบจิตขึ้นมาดู ก็เห็นว่าไม่น่าจะมีอะไรผิดปกติ


      “นาย...”


      “ขอโทษครับเจ้าหน้าที่เอ็ดเวิร์ด พอดีผมเพลียไปหน่อย เลยอาจทำตัวป้ำๆ เป๋อๆ ไปบ้าง” ลุคกล่าวขอโทษที่ทำให้ต้องเป็นห่วง


      เจ้าหน้าที่เอ็ดเวิร์ดค่อยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ถ้าลุคพลขับอนาคตไกลของสหพันธรัฐเป็นอะไรขึ้นมา เขาได้โดยเฉ่งหนักแน่


      “ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับ ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยดูเครื่องให้ เอ่อ แล้วโทนี่ละครับ”


      “เอ๊ะ เขาหน้าจะตื่นขึ้นมาแล้วนี่” เอ็ดเวิร์ดอุทาน แล้วรีบวิ่งไปดู


       “แย่แล้ว !” เอ็ดเวิร์ดตะโกนลั่น เมื่อพบว่าโทนี่ที่นอนอยู่ในเครื่องทดสอบจิตข้างๆ ขณะนี้ตกอยู่ในภาวะอันตราย คลื่นสมองของเขาได้จมอยู่ในห้วงภวังค์ดิ่งลึกอันเป็นภาวะเดียวกับผู้ป่วยที่ตกอยู่ในสภาพของเจ้าชายนิทรา


      เอ็ดเวิร์ดรีบแจ้งสัญญาณฉุกเฉินออกไปทันที สักครู่ก็มีเจ้าหน้าที่ชั้นสูงหลายคนเข้ามาดู ทุกคนต่างลงความเห็นเป็นอย่างเดียวกันว่า พลขับมือดีที่สุดของเขาได้ประสบอุบัติเหตุทำให้ตกอยู่ในภาวะเจ้าชายนิทรา ไม่อาจทำหน้าที่ได้อีกแล้ว


      ด้วยเหตุประการฉะนี้ ความหวังของมนุษยชาติทั้งหมดจึงตกมาอยู่ในมือของลุค พลขับมือฉมังที่ดีที่สุดในตอนนี้


      หัวหน้าหน่วยได้เดินเข้ามาหาลุคที่เครื่องทดสอบจิต


      “ลุค ฉันคงต้องฝากความหวังของมนุษยชาติให้อยู่ในมือของนายแล้วนะ”


      ลุคมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปหลากหลาย แล้วค่อยตอบรับกลับไปด้วยเสียงอันดัง


      “ยินดีครับ”


       

      หลังจากนั้นอีกสิบวัน...


      ยานอวกาศ White Space ก็เคลื่อนตัวเองออกจากฐานปล่อยบนโลกเข้าสู่ห้วงอวกาศ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่อยู่ใกล้กับดาวพลูโต


      ลุครู้สึกหมดกังวล ที่ได้อยู่ตัวคนเดียวโดยอิสระ ไม่ถูกผูกมัดด้วยตัวตนที่ไม่คุ้นเคยสักที


      นั่นก็เพราะ ในความจริงแล้วตัวตนที่ตื่นขึ้นมาในทีแรกของเขาก็คือฟลุค พลขับมือดีที่สุดของยานอวกาศ Black Space แห่งดาวเคราะห์อันไกลโพ้น จากนั้นความทรงจำในตัวตนของลุคถึงค่อยตามมาทีหลัง แม้ร่างกายของเขาจะเป็นลุค แต่จิตใจของเขาคือฟลุค โดยมีความทรงจำของลุคเป็นเหมือนดั่งภาพความฝันที่เลือกรางหนึ่งตื่น


      เขานั่งคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ ที่จะย้อนกลับไปช่วยเหลือพวกพ้องเมื่อครั้งสมัยที่ตนเองยังอยู่ในรูปกายของฟลุค พร้อมทั้งตั้งคำถามกับภารกิจหาแหล่งที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ของมนุษย์จากภาวะรูปกายของลุค


      ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ คำถามต่างๆ นานาได้เกิดขึ้นในห้วงความคิดของเขา เขามาอยู่ในร่างของลุคได้อย่างไร ? ลุคตัวจริงไปไหน ? แล้วทำไมเขาถึงมีความคิดความทรงจำของลุค ? หรือว่าที่จริงแล้วเรื่องราวของฟลุคจะเป็นเพียงความฝันที่เครื่องทดสอบจิตสร้างขึ้นมา ?... ไม่ใช่สิ ความเป็นตัวตนของฟลุคเด่นชัดขนาดนี้ ยังไงเขาก็เป็นฟลุคแน่


      ไม่สิ หรือว่าจริงๆ แล้วตั้งแต่ต้นตลอดมาจนถึงตอนนี้เขาก็ยังอยู่ในเครื่องทดสอบจิตในภาวะของลุคอยู่ ?... ไม่ใช่มั้ง... เขาถามเองตอบเอง คิดไปคิดมาซับซ้อนอยู่หลายตลบ


      ยิ่งเขาพยายามหาคำตอบให้กับตัวเองมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งสับสนในตัวตนของตนเองมากขึ้นเท่านั้น


      แต่แล้ว เหตุการณ์ที่ไม่ทันคาดคิดก็เดจาวูวกกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง ลูกอุกกาบาตขนาดยักษ์ได้พุ่งผ่านเข้ามาในเส้นทางโคจรของยานอวกาศ White Space ลุครีบหักหัวยานหลบออกข้างอย่างฉุกละหุก นั่นจึงทำให้ยานอวกาศตกเข้าไปอยู่ในกับดักหลุมอวกาศ Black Hole ที่ปรากฎขึ้นมาอยู่ที่ด้านข้างอย่างฉับพลัน


      ลุคตกตะลึงอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกกับสภาวการณ์ที่เกิดขึ้น ร่างของเขากับยานอวกาศ White Space ได้ถูกหลุมดำดูดเข้าไปยังก้นบึ้งแห่งความมืดมิด ทะลุเข้าสู่มิติอันลี้ลับหายไปจากอวกาศในที่สุด


      วูบ !


      ว้าบ !!


      แล้วพลัน แสงสว่างสีขาวนวล ก็เข้ามาสะกิดห้วงสำนึกของเขา ปลุกให้ตื่นลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง


      Infinity





      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×